ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

เราเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ป๊าทำรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้รับผลกระทบหนักมากช่วงปี 40 ที่ฟองสบู่แตก ป๊ากับแม่เลยต้องมาทำธุรกิจเล็ก ๆ หาอะไรขาย ตัวเราเองก็ได้ไปช่วย ตอนนั้น 2-3 ขวบเอง

การได้เห็นครอบครัวสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เราเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซึ่งอย่างหนึ่งที่พ่วงมากับความเข้มแข็งคือการมีหลักยึดว่า เราจะเชื่ออะไร จะทำอะไร เราเลยไม่คล้อยตามอะไรง่าย ๆ ไม่ยอมใครง่าย ๆ ถ้าหากมีอะไรไม่ถูกต้อง ก็จะสู้อย่างสุดความสามารถ

เราเป็นลูกคนเดียว เป็นลูกผู้หญิงด้วย ป๊ากับแม่ก็จะหวงและห่วงมาก ๆ ตอนเด็ก ๆ จะมีระเบียบ มีกรอบจำกัดหลาย ๆ อย่าง แต่ว่าพอโตขึ้นเราก็ปรับตัวเข้าหากัน เขามองว่าเราค่อย ๆ เติบโตนะ แล้วก็มีเกราะป้องกันพอสมควร อะไรที่เหมาะไม่เหมาะ เราพูดคุยกันได้

แต่สิ่งที่ครอบครัวเราไม่เห็นด้วยมากที่สุด ก็คือเรื่องการแสดงออกทางการเมืองนี่แหละ เขามองว่ามันใหญ่กว่าตัวเรา เสี่ยงเกินไป ไม่อยากให้เราออกหน้ามาก ไม่อยากให้ทุ่มหมดตัว ซึ่งเขาก็เป็นห่วงตามประสาพ่อแม่อยู่แล้ว

เมื่อก่อนเราเป็นเด็กธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้สนใจการเมืองมากนักเพราะมองว่ามันไกลตัว จนเมื่อปี 2558 เราเห็นข่าวนักศึกษาที่ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่หอศิลป์ในวันครบรอบรัฐประหาร พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง มีการฉุดกระชาก อุ้ม ดึง

มันเลยเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมเขาต้องโดนแบบนั้น เราเลยเริ่มทำความเข้าใจกับสถานการณ์ว่า โอเค เขาต่อต้านรัฐประหารกัน แล้วรัฐประหารส่งผลกับเรายังไง เราเลยเชื่อมโยงได้ว่า จริง ๆ การเมืองมันเชื่อมโยงกับทุกอย่าง รวมถึงเศรษฐกิจด้วย

ตอนนั้นครอบครัวเราก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจเหมือนกัน หลังจากรัฐประหารมาได้ปีหนึ่ง เศรษฐกิจมันก็ซบเซาลง เราเลยเริ่มเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วการที่ป๊ากับแม่ต้องดิ้นรนมากขึ้นมันไม่ได้เป็นเพราะเขาไม่ขยัน แต่มันเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่พังจนส่งผลกระทบมาถึงประชาชน

พอเราเชื่อมโยงได้และเห็นว่าสถานการณ์มันเริ่มหนักขึ้นแล้วนะ เราเลยต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง ต้องออกมาพูดถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อจุดประเด็นในการพูดคุยว่าเราจะแก้ไขยังไงให้ประเทศอยู่ได้

ครอบครัวทำให้เราเห็นปัญหาและผลกระทบได้ชัดเจนขึ้น และทำให้เรานึกถึงภาพกว้างว่ามีอีกกี่ครอบครัวที่โดนเหมือนเรา เมื่อเราเริ่มใส่ใจเรื่องใกล้ตัว ก็จะเชื่อมโยงภาพกว้างได้มากขึ้น

เราแคร์ครอบครัวมาก ๆ เราโชคดีด้วยแหละที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น เขาเติมความรัก เติมความเข้าใจให้เราตลอด แม้ว่าบางเรื่องเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรามาก ๆ แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราพูดคุยกัน เขาก็พร้อมจะอยู่ข้างเรา ซึ่งเราคิดว่าครอบครัวเป็นหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เรายังเข้มแข็งอยู่ได้