อั๋วเป็นคนหนึ่งที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ถึงกระนั้นเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าการเรียนเป็นสิ่งที่เธอสนใจมากนัก คุณอาจเหมือนเธอที่เคยสอบได้ที่หนึ่งอยู่บ้างแต่ก็เคยหลับในห้องเรียนเช่นกัน อีกสิ่งที่คุณให้ความสนใจคือการใช้เวลาอยู่กับเพื่อน คุณอาจเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีเพื่อนหลากหลายที่ทำกิจกรรมแตกต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะอยู่กับใครก็สามารถสนุกกับช่วงเวลาเหล่านั้นได้เสมอ อั๋วเองก็เช่นกัน เธอเหมือนคุณและเธอรู้ว่า 112 อันตรายยังไง เธอเหมือนคุณ แต่เธอเลือกเส้นทางที่ต่างจากคุณ
ตอนเด็ก ๆ เราเรียนเก่งมาก สอบได้ที่ 1 ตลอด สมัยประถมคือเป็นเด็กหน้าห้อง นั่งหน้าห้องตลอด แต่ช่วงมัธยมเป็นต้นมา เรารู้สึกว่าไม่ได้อยากเรียนขนาดนั้น เลยเปลี่ยนไปนั่งหลังสุด เราหลับเกือบทุกคาบ อาจารย์ไม่ดุเลย เพราะถ้าไม่คุยก็ไม่เป็นไร
ครอบครัวพาเราไปวัดตลอด ไปตั้งแต่เด็ก ๆ น่าจะยังไม่เข้าอนุบาลด้วยซ้ำ ก็ไปวัดแล้ว ศาสนาพุทธมันมีหลักธรรมที่โอเคอยู่นะ อย่างเราเชื่อหลักคำสอนพวกอนัตตา การไม่ยึดติด หิริโอตัปปะ การละอายต่อบาป อุเบกขา การวางเฉย เราคิดว่าทุกคนมีเจตจำนงเสรี ที่สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อ นับถือ ศรัทธาในอะไร ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีศาสนา เราก็สามารถเป็นคนเท่ได้ทั้งหมด
เราเป็นคนอำนาจเจริญ การที่เรามาเรียนที่กรุงเทพฯ มันคือแรงฮึบ แรงสู้ของเรา เพราะที่นี่โอกาสในการแสวงหามันเยอะกว่า แต่คิดอีกแง่คือ คงไม่มีใครอยากจากบ้านแล้วมาดิ้นรนอะไรขนาดนี้ มันก็เหนื่อย ก็ซัฟเฟอร์ แต่มันยังไม่เท่ากัน ถ้ามันเท่ากันทุกที่ก็คงจะดีกว่า มันเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำที่เราต้องเข้ามาอยู่ตรงนี้
เรามีเพื่อนหลายกลุ่ม กลุ่มเที่ยวแก่ (เที่ยวเชิงพักผ่อน แวะร้านของฝาก กินร้านอาหารยอดนิยม ไม่ดื่มเหล้า) กลุ่มใช้ชีวิตสุด ๆ กลุ่มเสเพลก็มี ซึ่งเราน่ะเป็นสายเสเพล (หัวเราะ) คือถ้าไปเที่ยวทะเลกัน ก็นั่งดื่มถึง 6-7 โมง รอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่อยนอน
เวลาว่างเราชอบทำขนม ทำอาหาร ทำทุกอย่าง ไปดูในไอจีได้ @uaua_cooking ที่ทำเองเพราะรู้สึกว่าซื้อกินที่ร้านไม่อร่อย ทำเองอร่อยกว่าเยอะเลย (หัวเราะ) เมนูเค้กที่ชอบทำคือ Strawberry Short Cake เป็นเค้กเนื้อสปันจ์ ใช้ครีมสด ผลไม้สด เราชอบทำไปให้คนอื่นกิน คือทำทีนึงประมาณ 2 ปอนด์ กินคนเดียวไม่ไหวหรอก คนที่กินก็บอกว่าอร่อย อร่อยมาก
27 พฤศจิกายน 2563
อั๋วได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจนครบาลบางโพ ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการปราศัยในม็อบ #ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563
ตอนที่เห็นหมายก็เฉย ๆ เรารู้สึกแค่ว่าได้คดีอีกแล้ว มันได้บ่อยจนชิน ก่อนหน้านี้เราเคยได้รับหมายคดีการเมือง พวกมาตรา 116 แล้วก็ พ.ร.บ.ชุมนุม, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับหมาย 112 ก็เลยไม่ได้ตกใจอะไร เราตีรวมเป็นคดีการเมืองหมด ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากหมายคดีอื่น ๆ เพราะจริง ๆ ถ้าเขาจะเอาเราเข้าคุก มาตราไหนเขาก็เอาเข้าได้ แต่จริง ๆ ช่วงที่เพื่อนหลายคนทยอยเข้าคุก เราก็เริ่มกังวลนะ
ส่วนตัวเรากับแม่และครอบครัวไม่ได้เป็นสลิ่ม มีญาติ ๆ เป็นบ้าง แต่สำหรับแม่นั้นเป็นคนเข้าอกเข้าใจเรามาก ๆ ตอนที่มีหมายจับ แม่ก็โทรมาให้กำลังใจ แล้วบอกให้เรามีสติ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ถ้าตำรวจจะจับก็ให้ตั้งสติและทำตามขั้นตอนไป
ตอนนี้เราอยากใช้ชีวิตให้รอดไปอีก 3-4 ปีอะ ทำงานอะไรก็ได้ที่ได้เงิน แล้วถ้ามันไปต่อได้ ก็อยากทำอาหารขาย (หัวเราะ) แล้วก็ในอนาคต ถ้าโอกาสมันได้ จังหวะมันได้ ก็อยากลุยงานการเมืองเต็มตัว อยากลงสมัคร ส.ส. แต่ตอนนี้อายุยังน้อย ยังไหว ก็ทำม็อบไปก่อน
เราอยากเป็นนักการเมืองมาตั้งแต่ประถมแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อยู่ ๆ ก็ชอบ มันได้คุยกับคนเยอะดี ได้ทำนั่นทำนี่ มันแบบจอยๆ อะ เป็นสิ่งที่ spark joy อย่างการทำม็อบ เราโอเคที่จะทำมันต่อไป ถึงจะเจอเรื่องเครียด เรื่องท็อกซิก แต่ถามว่าเราจะหยุดไหม เราก็ไม่ได้จะหยุด เรายังไปไหว
เราคิดว่าถ้าเรายังสู้ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ยังไงเราก็จะสามารถอยู่ในประเทศไทยที่เป็นประเทศสำหรับทุกคนได้ คน 99% ก็ต้องช่วยกันลุกขึ้นมาสู้ เพราะแน่นอนว่ามันจะไม่ได้มาจากการร้องขอ มันต้องมาจากการต่อสู้ ก็ต้องสู้ต่อไป
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เปลี่ยนชีวิตใครหลายคนไปตลอดกาล
จากคนธรรมดาที่มีความเชื่อ ความฝัน เป็นคนสำคัญของครอบครัวและเพื่อนพ้อง คนธรรมดาที่ชีวิตมีทั้งรอยยิ้มและรอยน้ำตา คนธรรมดาที่ตกเป็นจำเลยทางความคิดของสังคมไทย